พระขุนแผน หลังนางกวัก เนื้อผงเกสรสีขาว หลวงปู่คีย์ วัดศรีลำยอง จ.สุรินทร์
สุดยอดวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง
รุ่น สรงน้ำ 57 หลวงปู่คีย์ วัดศรีลำยอง ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์
อธิฐานจิตปลุกเสก เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2557
พระขุนแผน เป็นยอด ของขลังของดีที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบองค์พ่อขุนแผน และของขลังทางด้านมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม โดยขุนแผนนี้หาใช่เครื่องรางที่ใช้ทางเสน่ห์เจ้าชู้อย่างเดียวไม่ แต่เป็นยอดของดีที่ครบเครื่องทางด้านมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม(คนรักคนชอบ) โภคทรัพย์โชคลาภ เจริญในหน้าที่การงาน เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ใช้ได้หลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจการค้า บูชาติดตัวไว้ก็จะทำให้ติดต่อการงานราบรื่นทำงานประสานงานกับคนได้ง่ายคน ชื่นชอบ พนักงานลูกจ้างบูชาไว้ก็จะเป็นที่รักใคร่เมตตา ต่อเพื่อนร่วมงาน เจ้านายรักเอ็นดู นอกจากนั้นยังใช้ได้ทั้งทางเสน่ห์ความรัก บูชาติดตัวเพื่อเพิ่มเสน่ห์สำหรับคนที่มีคู่อยู่แล้วจะบูชาเสริมเสน่ห์เพื่อ ให้คนรักสนใจเอาใจใส่มากขึ้นก็ได้ หรือคนโสดไร้คู่บูชาเพื่อหาคู่ก็ดียิ่งนัก ส่วนพ่อค้าแม่ค้าจะบูชาติดไว้ที่ร้านเพื่อเสริมทางด้านค้าขายเรียกจิตเรียก ใจคน เรียกเงินทองก็ได้ ใช้ได้สารพัด เป็นยอดของขลังของดีที่ควรมีไว้บูชาเป็นอย่างยิ่งต้องมีไว้บูชา เมตตาสุดฤทธิ์ เจ้าชู้สุดเดช ขอบอกท่านที่ต้องการบูชาต้องเหนื่อยกับการสับรางแน่นอน สับรางไม่เก่งอย่าบูชาไป
นางกวัก คือ รูปเคารพที่ไว้กราบไว้บูชาเพื่อให้การค้าเจริญ มักวางไว้หน้าร้าน เพื่อเรียกลูกค้า กวักโชคลาภ วาสนา กวักเงินกวักทอง
ตำนานพระแม่นางกวัก
นางกวัก คือ รูปเคารพที่ไว้กราบไว้บูชาเพื่อให้การค้าเจริญ มักวางไว้หน้าร้าน เพื่อเรียกลูกค้า
ประวัติตามความเชื่อไทยโบราณนางกวักเป็นเทพีแห่งขวัญหรือจิตวิญญาณในตำนาน ไทยโบราณ มีแห่งกำเนิดมาจากความเชื่อท้องถิ่นของชนชาติไทยแต่ดั้งเดิมก่อนที่จะมี ศาสนาฮินดูเข้ามาผสมจนกลายเป็นตำนานอีกเรื่องไป ความเชื่อในเรื่องนางกวักปรากฏอยู่ในความเชื่อท้องถิ่นดั้งเดิมของชนกลุ่ม ไท-กะไดเป็นเสมือนผีที่คอยเรียกเงินเรียกทองและอารักษ์ร้านค้าที่รูปเคารพ นางกวักได้ไปตั้งอยู่
ประวัติตามที่ปรากฎในความเชื่อทางพระพุทธศาสนา เมื่อคนไทยได้รับวัฒนธรรมและความเชื่อของชาวฮินดูเข้ามาจึงทำให้คนไทยมีการ ลากทับของวัฒนธรรมนำมาสู่ตำนานของนางกวักอีกตำนานหนึ่ง
นางกวักชื่อจริงว่า สุภาวดี บิดาชื่อ สุจิตพราหมณ์ มารดาชื่อ สุมณฑา เกิดที่เมืองมัจฉิกาสัณฑ์ (อยู่ห่างไม่ไกลจากเมืองสาวัตถี) มีครอบครัวประกอบอาชีพทำมาค้าขาย ต่อมาสุจิตตพราหมณ์ผู้เป็นพ่อ ได้ขยายกิจการซื้อเกวียนมา 1เล่ม นำสินค้าไปเร่ขายในต่างถิ่น บางครั้งบุตรสาวขออนุญาตเดินทางไปด้วย เพื่อเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ระหว่างการค้าขาย
สุภาวดีได้มีโอกาสพบกับ "พระกัสสปเถระ" เป็นอริยสงฆ์แสดงธรรม หลังจากสุภาวดีฟังธรรมเทศนาอย่างตั้งใจแล้ว พระกัสสปเถระเจ้าได้กำหนดจิตเป็นอำนาจจิตพระอรหันต์ ประสิทธิ์ประสาทพรให้สุภาวดีและครอบครัว โดยได้ตั้งกุศลจิตประสาทพรเช่นนี้ทุกครั้งที่สุภาวดีมีโอกาสไปฟังจนจบ อำลากลับ ต่อมา สุภาวดีได้เดินทางติดตามบิดาไปทำการค้า และมีโอกาสฟังธรรมพระอริยสงฆ์อีกท่านหนึ่ง นามว่า "พระสิวลีเถระเจ้า" สุภาวดีได้ฟังธรรมอย่างตั้งใจ สุภาวดีจึงมีความรู้แตกฉานในหลักธรรมต่างๆ เป็นอันมาก พระสิวลีเป็นผู้มีชีวิตอัศจรรย์กว่าพระสงฆ์อื่น คือ ท่านอยู่ในครรภ์มารดานานถึง 7ปี 7 เดือน จึงคลอดออกมา พร้อมด้วยวาสนา บารมี ที่ติดกับวิญญาณธาตุของท่าน ท่านจึงเป็นผู้มีลาภสักการบูชามาหาท่านตลอด เมื่อถึงคราวจำเป็นและต้องการ ทุกครั้งที่สุภาวดีได้ฟังธรรมและลากลับ พระสิวลีเถระเจ้าได้กำหนดกุศลจิต ประสาทพรให้สุภาวดีและครอบครัว เช่นเดียวกัน จิตของสุภาวดีจึงได้รับประสาทพรจากพระอรหันต์ถึงสององค์ ส่งผลให้บิดาทำการค้าได้กำไรไม่เคยขาดทุน นางได้รับพรว่า "ขอให้เจริญรุ่งเรืองไพบูลย์ด้วยทรัพย์สินเงินทอง จากการค้าขายสินค้าต่างๆสมความปรารถนาเถิด" บิดารู้ว่าสุภาวดีคือผู้ที่เป็นสิริมงคลที่แท้จริง เป็นที่ไหลมาแห่งทรัพย์สมบัติของครอบครัว ครอบครัวร่ำรวยขึ้นเป็นมหาเศรษฐีมีเงินทองและกองเกวียนสินค้ามากมาย เทียบได้กับธนัญชัยเศรษฐี บิดาของวิสาขาแห่งแคว้นโกศล บิดาของสุภาวดีได้ฟังธรรมพระพุทธเจ้า ปฏิบัติธรรมด้วยความศรัทธา เมื่อนางสิ้นชีวิตแล้ว ชาวบ้านจึงปั้นรูปแม่นางสุภาวดีไว้บูชา ขอให้การค้ารุ่งเรือง และความเชื่อดังกล่าวนี้ ก็แพร่หลายเข้ามายังดินแดนสุวรรณภูมิ จากการเผยแพร่ของพราหมณ์ และยังคงเป็นความเชื่อที่สืบมาจนถึงทุกวันนี้