รหัสสินค้า | SKU-00150 |
หมวดหมู่ | เครื่องรางอาถรรพ์ เสน่ห์เมตา คนรักคนหลง เรียกคนรักกลับมา ( Love Amulet ) |
ราคา | 300.00 บาท |
สถานะสินค้า | พร้อมส่ง |
ลงสินค้า | 16 ม.ค. 2559 |
อัพเดทล่าสุด | 16 ม.ค. 2559 |
คงเหลือ | ไม่จำกัด |
จำนวน | ชิ้น |
ลูกสะกดขุนแผนหนีบรัก ( เนื้อผงมหาภูติ 7เชิงตะกอน ) อาบทองคาถาเสน่ห์1000บท ครูบาเดช กิตติญาโญ สำนักสงฆ์ ป่าช้าบ้านใหม่รัตนโกสินทร์ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
ลูกสะกดขุนแผนหนีบรัก ( เนื้อผงมหาภูติ 7เชิงตะกอน )ครั้งแรกครูบาเดชรวมวิชาพระขุนแผนผสานวิชายันต์หนีบสร้างพระขุนแผนหนีบรักในแบบลูกสะกด เอกลักษณ์ท่านแรกท่านเดียว โดยสร้างจากเนื้อมวลสารผงมหาภูติ 7เชิงตะกอน สุดเฮี้ยนแรงที่สุด ครูบาเดชกล่าวว่าผงพรายทั้งหมดเมื่อได้มาต้องนำมาสวด อุทิศส่วนกุศลให้ได้รับส่วนบุญจนไปจุติตามภพของบุญแต่ละตนแล้วจึงอัญเชิญมาร่วมสร้างบารมีให้ลงมาสถิตในพระขุนแผนเป็นภูติพรายที่เชิญมาทั้งสิ้นไม่ได้บังคับมาและเป็นการเสริมอำนาจบารมีให้กับภูติพรายให้มีฤทธิ์มากขึ้น สาเหตุที่คนส่วนใหญ่นั้นชอบบูชาของแรงและเห็นผลเร็วท่านจึงใช้ผงพรายมาเป็นส่วนประกอบกอบก่อนที่ท่านจะสร้างขุนแผนชุดนี้ท่านครูบาเดชได้ไปนั่งสมาธิ ถามครูบาอาจารย์ว่าจะสร้างขุนแผนแรงๆดีๆสักรุ่นให้ลูกศิษย์บูชากัน ทำอย่างไรถึงจะได้มวลสารมาครบ เนื่องจากมวลสารผงภูติพรายนั้นท่านได้มาครบแล้วขาดก็แต่ตัวหลักคือน้ำมันพรายแท้ๆซึ่งหากครูบาจะไปเอามาเองคงไม่เหมาะเนื่องจากท่านเป็นพระในนิมิตครูบาอาจารย์ได้บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวจะมีคนเอามาให้เองหลังจากนั้น 2วันมีลุงแก่ๆท่านหนึ่งมาหาครูบาเดชบอกว่าตนเอาน้ำมันพรายมาให้ บอกว่าได้เก็บน้ำมันพรายไว้ก็หลายปีแล้ว ซึ่งตนก็แก่มากแล้ว จึงขอถวายให้ครูบา หลังมอบให้ครูบาเสร็จชายผู้นี้ได้เดินผ่านเชิงตะกอนขึ้นเขาหลังวัดหายไป อย่างรวดเร็วแปลกมาก ท่านได้เอาน้ำมันพรายที่ได้มากำหนดจิตนั่งดูจึงรู้ว่าเป็นของแท้ มีพรายตามมาด้วย ครูบาเดชจึงได้แผ่ส่วนกุศลให้กับพรายในน้ำมันและเชิญมาร่วมสร้างบารมีกับพระขุนแผนชุดนี้ด้วยกัน เมื่อได้มวลสารตามต้องการครูบาได้นำมาผสมกับผงยันต์เป็นสูตรในการสร้างยันต์หนีบเป็นยันต์เรียกคู่หาคู่เรียกคนรักสูตรตำราล้านนาโบราณตกทอดหลายร้อยปีปรกติยันต์นี้ครูบาจะเขียนบนแผ่นทองแดง เป็นแผ่นสี่เหลียมโดยให้เขียนชื่อคนที่เราต้องการลงไปในกลางแผ่นยันต์เป็นการเรียกจิตทำให้คิดถึงอยากเห็นหน้าคิดรักใคร่แต่เราผู้เดียว
และอีกอย่างคือท่านทำเป็นไส้เทียนจุดเรียกคนรักกลับคืนมา วิชานี้เด่นมากหาผู้รู้เป็นจริงน้อยมาก ครูบาจึงได้รวมวิชาทั้งหมดลงใน ลูกสะกดขุนแผนหนีบรัก ชุดนี้โดยทำพิธีปลุกเสกหน้าเชิงตะกอน หลังจากครูบาอัญเชิญขุนแผนเทวดาเจ้าที่และภูติพรายทั้งหมดได้เกิดพายุชัดรอบพิธีแรงมาก จากตอนแรกร้อนจัดไม่มีลมสักนิดจึงรู้สึกเย็นสบายผู้ที่อยู่ในพิธีตลึงไปตามๆกัน ครูบาเดชบอกว่าภูติพรายทั้งหมดรับรู้ลงมาช่วยสร้างบารมีแล้ว จึงแสดงฤทธิ์ให้เห็น หลังเสกเสร็จลมเงียบสงบลงสู่ปรกติ แล้วจึงนำพระขุนแผนทั้งหมดไปชุบอาบน้ำทองที่ปลุกเสกด้วยพระคาถาเสน่ห์1000บท เป็นอันจบพิธีกรรม การบูชาพระขุนแผนให้เกิดเสน่ห์เมตตาต่อเพศตรงข้ามและเพศเดียวกันโดยเฉพาะเพศตรงข้ามจะแรงเป็นพิเศษหรือผู้ที่พบเห็นให้พกติดตัวห้อยคอตามปรกติห้อยให้ต่ำกว่าพระหากจะใช้เจาะจงสำหรับบุคคลให้เขียนชื่อนามสกุลคนที่เราต้องการใส่ใบรักและม้วนสอดรูตรงกลางพระขุนแผน สวดปลุกเสกด้วยพระคาถาดังนี้ คาถาปลุกเสกพระขุนแผน โอม ละลวยมหาละลวย จงงวยงงจงใจในตัวข้า เสมือนช้างรักงา รักตัวกูเสมือนปลารักน้ำ รักตัวกูเสมือนถ้ำรักเขา รักตัวกูเสมือนเงาตามตัว รักตัวกูเสมือนวัวตามแม่ จิต(เอ่ยชื่อคนที่ต้องการ) รักกูให้แน่ โอม สิทธิ สิทธิ สะวาโหม สุนะโมโล นะมะพะทะ 3จบ กลั้นใจเป่าคาถาลงพระขุนแผนนี้ 3ที จงเชื่อมั่นศรัทธาแน่วแน่อย่าลังเลจะเห็นผลดังปรารถนา ก่อนนำพระขุนแผนเข้าบ้านครั้งแรกให้จุดธูป3 บอกกล่าวพระเจ้าที่เจ้าทางที่บ้านเสียก่อนจะดียิ่งนักและหมั่นแผ่เมตตาให้กับภูติพราย ในพระขุนแผนด้วยจะดียิ่งนัก
ของจริงย่อมพิสูจน์ได้ลองได้ รู้จริงเป็นจริง ครูบาเดช ท่านได้พำนัก อยู่ป่าช้าบ้านใหม่รัตนโกสินทร์ ว่ากันว่าป่าช้านี้เป็นป่าช้าเก่าประจำหมู่บ้านปัจจุบันยังใช้เป็นที่เผาศพอยู่ โดย ที่เผาศพยังเป็นเป็นแบบโบราณ คือก่ออิฐ 2ข้าง ใช้ฟืนเผาแบบโบราณ เชิงตะกอนที่เผาจะอยู่หน้ากุฏิครูบาเดชพอดี ท่านมักจะมานั่งเพ่งอสุภะกรรมฐานทุกคืน ท่านบอกว่าจิตสงบดีไม่มีผู้ไดกวน(เพราะทั้งสำนักสงฆ์มีแต่ครูบาเดชเพียงผู้เดียว) หากว่าใครวิชาไม่แข็งจริงไม่สามารถอยู่ได้ถึงครึ่งคืนเคยมีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาขอพักกับครูบาเดชแต่อยู่ไม่ได้เผ่นหนีเนื่องจากเจ้าที่ป่าช้านี้แรงมากเป็นป่ารกทึบครึ้มน่ากลัว ครูบาเดชได้ปรับพื้นที่ป่าช้าให้เป็นสถานที่ ปฏิธรรมและกลายเป็นสำนักสงฆ์จนถึงปัจจุบัน เรื่องวิชาอาคมครูบาเดชท่านรู้วิชามากเรียนมาก เคยมีพระอาจารย์ดังรูปหนึ่งทางเชียงใหม่มาลองทดสอบวิชาครูบาเดช แต่อยู่ไม่ได้ ท่านเล่าว่าพระครูบารูปนี้มาขอพักด้วย เป็นพระที่มีชื่อเสียงรูปหนึ่ง ชอบเล่นของ ตกดึกพระรูปนั้น ได้ปล่อยวัวธนูมาหาครูบาเดช ท่านกล่าวว่าท่านนั่งกรรมฐานอยู่หน้าเชิงตะกอนได้ยินเสียงดังวีดๆดังลั่นท่านลืมตาเห็นวัวธนูตาแดงกล่ำยืนอยู่ตรงหน้า ท่านจึงรู้ว่าโดนลองของแน่ๆจึงหยิบขี้ผึ้งในย่ามขึ้นมาปันภาวนาปลุกเสกแล้วโยนออกไป กลายเป็นควายธนู ชนกันดังลั่นทั่วป่าช้า ส่วนตัวท่านยังคงนั่งสมาธิภาวนาคาถาตามที่ได้เรียนมาตลอดจนวัวธนูนั้นล่าถอยไป เช้ารุ่งขึ้น ครูบาเดชท่านได้ไปหาอาจารย์ที่มาขออยู่ด้วยแต่ไม่พบแต่อย่างไดจึงทราบว่าอาจารย์ท่านนี้มาลองวิชาแต่สู้ควายธนูครูบาเดชไม่ได้จึงรีบไปแต่เช้า เรื่องประสบการณ์ ปฏิหาร ครูบาเดชนั้นมีมากนักท่านเป็นพระที่ค่อนข้างจะร้อนวิชาสักนิด จนบางคนมองเผินๆนึกว่าท่านบ้า แต่หากได้สัมผัส จะรู้ความจริงว่าท่านของจริง รู้วิชาจริงมากมายหลายแขนง ทดสอบลองได้ ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติเคร่งจริง บางครั้งเข้าพรรษาท่านไม่ฉันข้าวเลยก็มีท่านฉันแต่น้ำ หรือบางครั้งท่านเข้าไปอยู่ในถ้ำเป็นหลายเดือนไม่ฉันข้าวฉันแต่น้ำก็บ่อยครั้ง ครูบาเดชท่านมีลูกศิษย์ลูกหาทั้งในและนอกท้องที่มากมายเข้าหาไม่ขาด เงินที่ลูกศิษย์ลูกหามาร่วมทำบุญท่านไม่เคยสะสมสักบาทท่านนำมาสร้างพัฒนาสำนักสงฆ์และชื้อตำรับตำราเรียนแจกให้กับนักเรียนและเด็กเล็กที่ด้อยโอกาสท่านอยากให้เด็กทุกคนมีความรู้ คือพื้นฐานของอนาคต จะได้ไม่ต้องลำบากกัน นี่คือหัวใจแก่นแท้ของครูบาเดช ปัจจุบันท่านจึงมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย แม้นว่าการเดินทางไปหาครูบาจะลำบากต้องเดินทางขึ้นเขาลงห้วยอันตรายก็ตามก็มีลูกศิษย์เข้าหาไม่ขาดสาย ทุกวัน
หน้าที่เข้าชม | 1,613,862 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,014,220 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 พ.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |