ครูบาเดชหรือพ่อปู่ฤาษีสมเดช สำนักสงฆ์ป่าช้าบ้านใหม่รัตนโกสินทร์ จ.ลำปาง ( Kruba Dat Lampang )

ครูบาเดช กิตติญาโณ หรือที่ลูกศิษย์ลูกหาเรียกท่านว่าครูบาอาคมขลังหรือครูบาผีกลัว แห่งสำนักสงฆ์ป่าช้าบ้านใหม่รัตนโกสินทร์  ทั้งชีวิตท่านพำนักอาศัยอยู่ในป่าช้าเป็นส่วนใหญ่ สร้างสำนักสงฆ์อยู่ในป่าช้าพักอยู่เพียงผู้เดียว ถ้าอาคมไม่ขลังจริงไม่สามารถอยู่ได้เคยมีพระหลายรูปมาขอจำพรรษาอยู่กับท่านแต่ก็ไม่มีใครอยู่ได้เกิน 3 วันต้องหนีทุกองค์ เพราะป่าช้าที่ท่านอยู่นั้นเฮี้ยนและแรงมาก เอาเป็นว่าคนในหมู่บ้านเองก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปในป่าช้านี้แน่ในยามคำคืนหรือขับรถผ่านเพราะเขาเจอเรื่องลี้ลับต่างๆมามาก ทุกค่ำคืน ท่านจะไปนั่ง วิปัสสนากรรมฐาน กลางกองฟอน โบราณ ประจำหมู่บ้าน ซึ่งปัจจุบันก็ยังใช้เป็นที่เผาศพของชาวบ้านอยู่ โดยครูบาเดช ท่านจะเพ่งร่าง อสุภะ ที่เริ่มไหม้ ในกองกองฟอนนั้น เป็นการฝึกจิตกรรมฐาน ท่านปฏิบัติอย่างนี้เป็นกิจวัตร ท่านจะเลือกเฉพาะเวลากลางคืน ที่เงียบสงบ นั่งสมาธิกำหนดจิตปลง อนิจจังสังขาร ไปเรื่อยๆ ท่านปฏิบัติ เช่นนี้เสมอมา พลังจิตของท่านจึงแก่กล้าเข้มขลัง สังเกตได้จากการที่ลูกศิษย์ได้ไปกราบท่าน หลายท่านต้องแปลกใจว่าบางครั้ง ครูบาเดชท่าน ทำไมทักแม่นรับรู้เรื่องราวของเราทั้งที่เราก็ไม่เคยบอกข้อมูลให้ท่านทราบและไม่เคยรู้จักท่านมาก่อน นี่ก็คืออำนาจจิตของท่านครูบาที่ท่านได้บรรลุธรรมชั้นสูงอ่านจิตอ่านใจคนได้นั่นเอง ครูบาเดชท่านยังรอบรู้วิชาอาคมมากมาย ทั้งสายล้านนา ไทยใหญ่ วิชาพม่า แม้แต่วิชาสายอินเดีย  และเนปาล ท่านก็เก่งไม่ด้อยไปกว่ากัน โดยเฉพาะวิชาสายพรายเสน่ห์สายมนต์ดำท่านเก่งและสร้างได้เข้มขลังมาก รู้จริงเป็นจริง ศพไหนที่ว่าเฮี้ยนที่ว่าแรง ท่านจะเก็บเอาผงเถ้ากระดูกนั้นเก็บไว้ทำเป็นมวลสารในการจัดสร้างวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังต่างๆ ดังนั้นวัตถุมงคลที่ท่านสร้างออกมาแต่ละรุ่นส่วนมากจะมีส่วนผมสมของผงพราย ล้วนเข้มขลังและมีประสบการณ์ สามารถสั่งการได้ ใช้งานได้จริงตามใจนึก
 ปัจจุบันท่านได้ลาสิกขาบท มาเป็นพ่อปู่ฤาษีสมเดชแล้วเนื่องจากท่านชอบเรียนเรื่องคาถาอาคม สร้างเครื่องรางของขลังต่างๆ ซึ่งตอนเป็นพระท่านไม่สามารถทำได้เพราะผิดศีลท่านจึงตัดใจลาสิกขาแล้วแต่ยังรักษาศีลเหมือนเดิม